เล่นกับธรรมชาติ
เล่นกับธรรมชาติก็ฉลาดได้
             ในยุคนี้ก่อนทำอะไรแต่ละอย่าง เราต้องคิดให้มากว่า สิ่งที่ทำจะส่งผลกระทบใดๆ ต่อโลกหรือเปล่า บางอย่างลด ละ เลิกได้ ก็ควรทำเสีย เพื่อจะได้มีโลกที่น่าอยู่เก็บไว้ให้ลูกหลานของเราต่อไป
             แต่ในเรื่องของการเล่น เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเจ้าตัวเล็ก ลด ละ เลิกไม่ได้เลยนะคะ เพราะการเล่นถือเป็นหัวใจสำคัญ ในการส่งเสริมการเรียนรู้ และพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกเลยทีเดียว ฉบับนี้ มีกิจกรรมชวนลูกเล่นสนุกได้ โดยไม่ทำลายโลกมาฝากกันค่ะ
 
1. ชวนหนูดูเมฆ
             เด็กวัยนี้มีจินตนาการไม่จำกัด ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ ในช่วงเวลาก่อนการเข้าโรงเรียนนั้น จะมีอิสระ สดใส และบริสุทธิ์ เพราะไม่ได้ถูกตีกรอบด้วยเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ของสังคม คุณสามารถส่งเสริมจินตนาการของลูกได้
             ในวันที่อากาศดีๆ ลองชวนลูกมาปูเสื่อกลางแจ้ง อาจจะเป็นนอกระเบียง สนามหญ้า หรือในสวนสาธารณะ อุ้มลูกนั่งตัก หรือนอนมองก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนฟ้า ลองใช้ความคิดจินตนาการดูว่า ก้อนเมฆสีขาว สีเทาบนฟ้าแต่ละก้อนทำให้ลูกนึกถึงอะไรได้บ้าง ส่วนตัวคุณแม่เอง นึกถึงอะไร หนูชอบท้องฟ้าสีฟ้า หรือท้องฟ้าสีเทาๆ พูดทายเล่นกันสนุกๆ จากนั้นก็เล่นต่อยอดความคิดเสียเลย ด้วยการช่วยกันแต่งนิทาน
สร้างเรื่องเกี่ยวกับก้อนเมฆรูปร่าง ต่างๆ มันจะเดินทางไปไหน ทำอะไรต่อไป ผลัดกันเป็นผู้เล่า ผู้ฟัง โดยไม่มีผิด ไม่มีถูก สิ่งสำคัญคือ ปล่อยให้เขาได้ใช้จินตนาการอย่างอิสระ ไม่พูดชี้นำ
             การเล่นจินตนาการแบบนี้ มีข้อดีหลายอย่าง คือ ช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ลูก และยังทำให้คุณรู้จักเจ้าตัวน้อยได้ดีมากขึ้น เพราะลูกจะพูดถึงในสิ่งที่ใกล้เคียงกับความสนใจ หรือสิ่งที่ตนกำลังคิดอยู่ในช่วงเวลานั้นออกมา เมื่อเล่นสนุกแล้ว อย่าลืมบอกให้ลูกรู้ว่า ฟ้าสีฟ้าจะอยู่กับลูกไปอีกนานๆ ถ้าเราช่วยกันดูแลธรรมชาติให้ดี 
 
2. ศิลปะจากธรรมชาติ
             เมื่อถึงวัยที่ร่างกายเริ่มควบคุมกล้ามเนื้อมือ กล้ามเนื้อมัดเล็กได้ดีขึ้น เด็กๆ จะรู้สึกว่าอยากขีดๆ เขียนๆ คุณอาจพบว่าตามผนังบ้านเริ่มมีรอยขีดปากกา จากฝีมือของเจ้าจอมซน ก็อย่าเพิ่งไปต่อว่า หรือดุเขาเลย เพราะเขาเพียงแค่อยากทดลองความสามารถ ในการควบคุมกล้ามเนื้อของตน และระบายความคิดออกมาผ่านการขีดเขียนเท่านั้น เตรียมกระดาษหรือสมุดไว้ให้ลูก พร้อมกับบอกให้ลูกรู้ว่า หนูสามารถเขียนอะไรก็ได้ในสมุดนี้ แต่อย่าเขียนที่ผนังบ้านเลยนะคะ แต่ถ้าสุดท้ายสู้พลังซนไม่ไหว ก็หากระดาษแผ่นโตๆ แปะผนังไว้เสียเลย ให้เขาได้ระบายจินตนาการออกมาอย่างเต็มที่
             ลองถือโอกาสนี้ หากิจกรรมศิลปะมาให้ลูกเล่น พร้อมกับสอดแทรกเรื่องราวของการอนุรักษ์ธรรมชาติไปด้วย เช่น การใช้ก้านกล้วย หรือเก็บดอกไม้ ใบไม้ที่หล่นอยู่ใต้ต้น มาทำภาพพิมพ์ตามจินตนาการ ใช้สีผสมอาหารแทนสีสังเคราะห์ ก็จะช่วยลดการใช้สารเคมีบนโลกได้อีกทางหนึ่ง และปลอดภัยกับลูกน้อย
 
3. ปลูกต้นไม้ ช่วยโลก
             เด็กๆ รู้โดยธรรมชาติว่า ดอกไม้สวย ต้นไม้สวย บางครั้งเจ้าตัวน้อยอาจเผลอดึงใบไม้ หรือดอกไม้ตามสถานที่ต่างๆ เล่นได้ ด้วยความนึกสนุก การชวนลูกปลูกต้นไม้ ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ขอแนะนำ เพราะต้นไม้ที่ปลูก นอกจากจะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ และผลิตออกซิเจนออกมา ช่วยลดภาวะโลกร้อนแล้ว กิจกรรมนี้ยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกรักธรรมชาติให้กับเจ้าตัวเล็กได้อีกด้วย เขาจะรู้สึกรักและหวงแหนในสิ่งที่ตนสร้างขึ้นกับมือ
             หาโอกาสให้ลูกได้เป็นเจ้าของต้นไม้สักต้น โดยอาจจะเริ่มจากการนำถั่วเขียวมาเพาะเป็นถั่วงอกก่อนก็ได้ เพราะมีช่วงระยะการเติบโตที่สั้น เหมาะสำหรับเด็กเล็กๆ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาที่ไม่นานนัก ให้ลูกได้มีส่วนร่วม ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกเมล็ดถั่วที่ดี (ระมัดระวังไม่ให้ลูกหยิบเมล็ดถั่วเข้าจมูก เข้าปาก) การเตรียมดิน หรือกระดาษชำระชุบน้ำ และหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงทุกๆ วัน ตั้งแต่เป็นเมล็ด เริ่มผลิใบ และงอกออกมาเป็นถั่วงอกที่สมบูรณ์
             ในช่วงแรกๆ คุณอาจได้ยินคำถาม “เมื่อไหร่มันจะโตครับ/ค่ะ” จากลูกค่อนข้างบ่อย ถือโอกาสให้ฝึกให้เขารู้จักการรอคอยให้ต้นถั่วเติบโต และสอนเขาไปด้วยเลยว่า ขนาดต้นถั่วต้นเล็ก ยังใช้เวลาตั้ง
หลายวัน กว่าจะงอกออกมาเป็นต้นที่สมบูรณ์ แล้วต้นไม้ต้นสูงใหญ่ที่ช่วยให้ร่มเงาแก่โลก ต้องใช้เวลายาวนานขนาดไหน พวกเราจึงต้องช่วยกันดูแล รักและหวงแหนต้นไม้บนโลกนี้ ให้สัญญาใจกันไว้ว่า ทั้งคุณและลูก จะไม่เด็ดดอกไม้ ใบไม้ทิ้งเล่นๆ หรือส่งเสริมให้มีการตัดต้นไม้อีก
 
4. ตัวอย่างดีๆ จากสัตว์โลกน่ารัก
             วัยเตาะแตะ เป็นวัยที่เริ่มมีความเป็นตัวของตัวเอง อยากทดสอบแล้วว่า เขาสามารถทำอะไรในสิ่งที่ตนเลือกได้หรือไม่ ดังนั้นจึงเหมือนกับว่าลูกเริ่มงอแงมากกว่าสมัยยังเบบี๋ แต่ทั้งนี้คุณสามารถสอนลูกได้ ผ่านการชวนลูกสำรวจชีวิตสัตว์รอบๆ ตัว เพราะเด็กจะถือว่าสัตว์เป็นเพื่อน สำหรับครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยงในบ้านอย่าง สุนัข  แมว หรือปลา ก็ลองชักชวนลูก ตามไปดูซิ ว่าวันนี้ เจ้าตูบของเรามันทำอะไรบ้าง มันกินข้าวหรือยังนะ เจ้าปลากินอาหารวันละกี่เม็ดนะ มันถึงโตได้ เมื่อลูกเห็นตัวอย่าง ก็จะอยากเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านั้นบ้าง ทำให้การปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีทำได้ง่ายขึ้น
             แต่สำหรับครอบครัวที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ ก็ขอแนะนำการสำรวจชีวิตมดในบ้าน เป็นกิจกรรมยามว่าง ลองชี้ชวนลูกให้ดูเส้นทางการเดินของมด ดูซิว่ามดทำอะไร มันจะไปไหน มันขยันหาอาหาร และแบกกลับไปไว้ที่รัง อาจเล่านิทานเรื่องมดจอมขยันให้ลูกฟัง เพื่อปลูกฝังเรื่องความขยันหมั่นเพียรให้กับลูกได้
 
5. ทำของเล่นชิ้นเดียวในโลก
             เด็กกับการเล่นเป็นของคู่กัน ลูกเริ่มเล่นตั้งแต่ลืมตาตื่นนอน และเลิกเล่นเมื่อหลับสนิท คุณแม่สามารถประหยัดเงินค่าซื้อของเล่นของลูกได้ ด้วยการชวนลูกมาช่วยกันเลือกวัสดุเหลือใช้ในบ้าน จำพวก ขวด เศษผ้า กระดาษเอกสารที่ใช้แล้ว ฯลฯ ที่กำลังจะทิ้งเป็นขยะ นำมาประดิษฐ์ของเล่นที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกได้ เช่น นำเศษผ้ามามัดรวมกันกลายเป็นลูกบอล ใช้โยนรับส่ง ทำรถลากจูง หรือเครื่องดนตรีจากขวดพลาสติก หรือลังกระดาษ เป็นต้น
             กิจกรรมนี้ นอกจากจะช่วยฝึกพัฒนาการทางด้านร่างกาย กล้ามเนื้อมัดเล็ก และกล้ามเนื้อมัดใหญ่ และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์แล้ว การนำเศษวัสดุเหลือใช้มาทำของเล่น ก็ถือได้ว่าเป็นกิจกรรมอย่างง่ายที่ช่วยประหยัดค่าของเล่น ลดจำนวนขยะบนโลก และยังส่งเสริมให้พ่อแม่ลูกได้ใช้เวลาร่วมกัน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย