พญ. อดิศร์สุดา เฟื่องฟู กุมารแพทย์ ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกของเล่นให้ลูกวัยเตาะแตะ ว่ามีข้อควรคำนึงดังต่อไปนี้
1. ความปลอดภัย ควรใส่ใจรายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ผลิตของเล่น พลาสติกที่อาจแตกหัก สีเคลือบที่อาจเป็นอันตรายเมื่อหลุดลอก แล้วลูกนำเข้าปาก ความแข็งแรง ทนทาน ของเล่นที่สนามเด็กเล่นก็ต้องได้มาตรฐาน มั่นคง และมีคุณภาพดี หลีกเลี่ยงของเล่นขนาดเล็ก ที่สามารถใส่ลงไปในแกนกระดาษชำระได้ เพราะเด็กเล็กมักจะนำของเล่นเข้าปากหรือจมูกอาจติดคอหรือหลอดลม ทำให้เสียชีวิต รวมไปถึงของเล่นขนาดใหญ่บางประเภท เช่น รถของเล่น ซึ่งมีส่วนประกอบชิ้นเล็กๆ ที่อาจหัก หลุดออกมาได้
ความปลอดภัยในการเล่นนับรวมถึงสถานที่เล่นด้วย ควรจัดสถานที่เล่นของลูกให้เหมาะสม เพราะความอยากรู้อยากเห็น มองทุกอย่างเป็นเรื่องสนุก อาจทำให้เขาเอานิ้วไปแหย่ปลั๊กไฟ หรือหยิบของมีคมมาเล่น จนก่อให้เกิดอันตรายได้
2.เหมาะสมกับวัย และพัฒนาการของเด็ก ของเล่นที่ง่ายเกินไป เช่น ให้เด็กวัย 3 ขวบ เล่นของเล่นที่เขย่าแล้วมีเสียง ลูกเล่นเพียงไม่กี่ครั้ง ก็จะไม่สนใจ แต่ถ้าเอาไปให้เด็กวัยขวบตอนต้นเล่น เวลาเอื้อมมือไปคว้า เขย่าแล้วมีเสียง เขาก็จะรู้สึกตื่นตาตื่นใจ และโปรดปรานของเล่นชิ้นนี้ ของเล่นที่ดีควรโตตามเด็ก หมายถึง เด็กจะสามารถเล่นของเล่นชิ้นนี้ได้ทุกช่วงอายุ โดยพัฒนารูปแบบการเล่นที่ซับซ้อนขึ้นตามวัย และช่วยเสริมพัฒนาการในด้านต่างๆ ได้ดี ของเล่นประเภทนี้ ได้แก่ ลูกบอลสีสันสดใส ลูกวัยขวบนิดๆ อาจเล่นผลัก ไล่เก็บไล่เตะ พอเข้าเรียน ก็นำไปโยนเล่นกับเพื่อนได้ หรือตุ๊กตา ตุ๊กตาหมี ลูกอาจจะกอดเล่นตอนเล็กๆ พอสองสามขวบก็เอามาสมมติเป็นเพื่อนในจินตนาการได้ เล่นบทบาทสมมติกัน
ของเล่นที่ไม่เหมาะสมกับวัยบางอย่าง อาจก่อให้เกิดอันตรายได้อย่างคาดไม่ถึง เช่น โมบาย ที่เหมาะกับเด็กแรกเกิด เพราะช่วยกระตุ้นเรื่องสายตา ถ้ามีเสียงก็จะกระตุ้นประสาทสัมผัสเรื่องการฟัง แต่การแขวนโมบายมีสายไว้เหนือเตียง เด็กโตที่สามารถเอื้อมมือคว้าได้ แล้วสายโมบายมาพันคอ ลูกอาจจะขาดอากาศหายใจ เป็นอันตรายได้
3. ไม่จำกัดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ การต่อบล็อกไม้ เป็นของเล่นที่ช่วยเสริมสร้างจินตนาการ เมื่อลูกต่อเป็นรูปร่างต่างๆ เช่น รูปรถไฟ รูปถ้ำ รูปรถ อย่างที่เขาอยากให้เป็น และยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็ก ของเล่นอีกประเภท คือ การเล่นกับเงา ทำมือเป็นรูปต่างๆ หมา นก กระต่าย หัวใจ ฯลฯ การเล่นเงา สีขาว-ดำ ยิ่งช่วยให้ลูกจินตนาการได้ดียิ่งขึ้น และยังเป็นเวลาเชื่อมความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวด้วย
|
|
สังเกตพัฒนาการของลูกจากการเล่น
การเล่นเป็นอีกวิธีที่พ่อแม่ใช้สังเกตพัฒนาการของลูกได้อย่างคร่าวๆ เช่น
- ช่วงวัย 6 เดือน ถึง ขวบตอนต้น จะชอบสำรวจสิ่งของด้วยปาก หยิบของทุกอย่างเข้าปาก เป็นพัฒนาการปกติ สำหรับคุณแม่ที่มีลูกอายุ 3 ขวบแล้ว ซึ่งวัยนี้ควรจะเล่นด้วยมือสองมือ ใช้ค้นหา หยิบจับสิ่งของดูคร่าวๆ ได้ แต่ยังชอบเอาของเล่นเข้าปากตลอดเวลา เหมือนเด็กเล็ก โดยไม่รู้จักวิธีเล่นแบบอื่นเลย จะต้องเริ่มตระหนักแล้วว่า พัฒนาการของลูกไม่สมวัย
- ในเด็กปกติ 1 ขวบ จะชอบเล่นของเล่นติดล้อ เดินลากจูง หากพบเด็กวัยนี้ที่ไม่ชอบเคลื่อนไหวร่างกาย และยังไม่สามารถเล่นของเล่นลากจูงได้ ควรสงสัยไว้ก่อนว่า พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อลูกช้ากว่าปกติหรือไม่
- เด็ก1 – 2 ขวบ เมื่อเห็นรถคันเล็กๆ จะรู้จักเข็นไปมา ไถเล่น เล่นแบบสมมติง่ายๆ ได้ เจอโทรศัพท์ของเล่น ก็เล่นสมมติคุยฮัลโหลได้ ถ้ามีชุดช้อนส้อม มีตุ๊กตา คุณแม่แกล้งสมมติว่าน้องตุ๊กตาหิว ทำอย่างไรดี เขาก็จะสามารถใช้จินตนาการว่า ตุ๊กตาที่เห็นเป็นคน เล่นบทบาทสมมติได้ แต่ในวัยเตาะแตะที่เป็นออทิสติก จะเล่นสมมติไม่เป็น จินตนาการไม่ได้ เจอรถของเล่นก็จะเล่นแต่ล้อ หมุนล้อ เล่นไม่ตรงตามฟังก์ชั่นของเล่น เล่นตุ๊กตาก็จะเอามือฉีกเล่น กระจุยกระจาย ไม่สามารถจินตนาการว่านี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนของเขาได้
- วัยเตาะแตะจะชอบเล่นกับคนอื่นได้บ้างแล้ว แม้จะเป็นการเล่นแบบยังไม่มีกฎเกณฑ์กติกาแน่ชัด แต่ต้องเล่นกับคนอื่นได้บ้าง หากลูกไม่ชอบเล่นกับใคร ชอบอยู่กับตัวเองคนเดียว นั่งหลบมุมทั้งวัน คุณพ่อคุณแม่ก็ควรจะพามาปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคทางพัฒนาการบางอย่าง เช่น ออทิสติก เพราะออทิสติกมาจากคำว่า Auto แปลว่า ตัวเอง อยู่ในโลกส่วนตัว ไม่ชอบสุงสิงกับใคร
- เด็กบางคน ที่โต 2-3 ขวบแล้ว แต่ยังเล่นรุนแรง ไม่รู้จักระมัดระวัง จนเกิดอุบัติเหตุรุนแรง ต้องเข้าโรงพยาบาล เช่น ชอบปีนที่สูง แล้วกระโดดลงมา ทำให้ตัวเองบาดเจ็บ แล้วก็ยังเล่นแบบเดิม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นอีกกรณีที่ควรพามาปรึกษาแพทย์ ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ อาจมีพัฒนาการช้า หรือมีภาวะซน สมาธิสั้นร่วมด้วย
ลูกสาวลูกชาย เล่นอย่างไรให้ตรงตามเพศ
วัยเตาะแตะเป็นวัยเลียนแบบ ลูกจะชอบทำตามบุคคลที่เป็นฮีโร่ของเขา ซึ่งได้แก่คุณพ่อคุณแม่นั่นเอง เด็กผู้หญิงชอบเอารองเท้าส้นสูง หรือเสื้อผ้าของคุณแม่ไปใส่ เอาเครื่องสำอางคุณแม่มาแต่งหน้า เป็นการเรียนรู้ ลองผิดลองถูก บางครั้งจึงอาจพบเด็กผู้ชายเอาเครื่องสำอางคุณแม่มาเล่น สวมรองเท้าคุณแม่ หรือเล่นตุ๊กตาได้บ้าง ซึ่งในกรณีนี้คุณแม่ยังไม่ต้องเป็นกังวลว่าลูกชายจะเบี่ยงเบนทางเพศ เพราะเด็กเล็กๆ ยังไม่รู้กฎเกณฑ์หรือทัศนคติทางสังคม
ลูกชายอาจเรียนรู้แค่ว่า เวลาปกติที่เขาเล่นรถ ต่อบล็อก คนรอบข้างไม่สนใจ แต่พอวันหนึ่ง
|